แนะวิธีปฏิบัติ และ คำสารภาพของศิษย์

แนะวิธีปฏิบัติ
เคยมีสุภาพสตรีท่านหนึ่งมีปัญหาถามว่า นั่งปฏิบัติภาวนา แล้วจิตไม่รวม ไม่สงบ ควรจะทำอย่างไร หลวงพ่อดู่ท่านแก้ให้ว่า
“การปฏิบัติ ถ้าอยากให้เป็นเร็ว ๆ มันก็ไม่เป็น หรือไม่อยากให้เป็น มันก็ประมาทเสีย ไม่เป็นอีกเหมือนกัน อยากเป็นก็ไม่ว่า ไม่อยากเป็นก็ไม่ว่า ทำใจให้เป็นกลาง ๆ ตั้งใจให้แน่วแน่ในกัมมัฏฐานที่เรายึดมั่นอยู่นั้น แล้วภาวนาเรื่อยไป
เหมือนกับเรากินข้าว ไม่ต้องอยากให้มันอิ่ม ค่อย ๆ กินไปมันก็อิ่มเอง ภาวนาก็เช่นกัน ไม่ต้องไปคาดหวังให้มันสงบ หน้าที่ของเราคือ ภาวนาไป ก็จะถึงของดี ของวิเศษในตัวเรา แล้วจะรู้ชัดขึ้นมาว่าอะไรเป็นอะไร ให้หมั่นทำเรื่อยไป”
คำสารภาพของศิษย์
เราเป็นศิษย์รุ่นปลายอ้อปลายแขม และมีความขี้เกียจเป็นปกติก่อนที่เราจะไปวัด เราไม่เคยสนใจทำอะไรจริงจังยาวนาน คือ เราสนใจทำจริงจังแต่ก็ประเดี๋ยวเดียว เมื่อเราได้ไปวัด ด้วยความอยากเห็น อยากรู้เหมือนที่เพื่อนบางคนเขารู้ เขาเห็น เราจึงพยายามทำ แต่มันไม่ได้ ความพยายามของเราก็เลยลดน้อยถอยลงตามวันเวลาที่ผ่านไป แต่ความอยากของเรามันไม่ได้หมดไปด้วย พอขี้เกียจหนักเข้า เราจึงถามหลวงพ่อดู่ว่า
“หนูขี้เกียจเหลือเกินค่ะ จะทำยังไงดี”
เราจำได้ว่าท่านนั่งเอนอยู่ พอเรากราบเรียนถามท่านก็ลุกขึ้นนั่งฉับไว มองหน้าเรา แล้วบอกว่า
“ถ้าขาบอกแกไม่ได้กลัวตาย แกจะเชื่อข้าไหมล่ะ”
เราเงียบเพราะไม่เข้าใจที่ท่านพูดตอนนั้นเลย
อีกครั้งหนึ่งปลอดคน เรากราบเรียนถามท่านว่า
“คนขี้เกียจอย่างหนูนี้ มีสิทธิ์ถึงนิพพานได้หรือไม่”
หลวงพ่อท่านนั่งสูบบุหรี่ยิ้มอยู่และบอกเราว่า
“ถ้าข้าให้แกเดินจากนี่ไปกรุงเทพฯ แกเดินได้ไหม”
เราเงียบแล้วยิ้มแห้ง ๆ ท่านจึงพูดต่อว่า
“ถ้าแกกินข้าวสามมื้อ มันก็มีกำลังวังชา เดินไปถึงได้ ถ้าแกกินข้าวมื้อเดียว มันก็พอไปถึงได้แต่ช้าหน่อย แต่ถ้าแกไม่กินข้าวไปเลย มันก็คงไปไม่ถึง ใช่ไหมละ”
เรารู้สึกเข้าใจข้อความนี้ซึมซาบเลยทีเดียว แล้วหลวงพ่อท่านก็พูดต่อว่า
“เรื่องทำม้งธรรมะอะไรข้าพูดไม่เป็นหรอก ข้าก็เป็นแต่พูดของข้าอย่างนี้แหละ”
อ้างอิง : พรหมปัญโญอนุสรณ์